วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556
โครงการคืนเห็ดโต่งฝนสู่ธรรมชาติ (2555-2557)
วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555
ต้นกำเนิดมาจากลาวงอกงามดีที่ไทย
เห็ดโต่งฝน มีถิ่นกำเนิดในประเทศสาธารณรัฐประชาชนลาว(สปป.ลาว) ลักษณะดอกเห็ดเมื่อเล็กคล้ายถ้วยหรือกรวย ดอกมีขนาดเล็กตั้งแต่เท่าถ้วยเล็กๆ จนถึงขนาดฝ่ามือหรือใหญ่เท่าหมวกก็มี ดอกโตเต็มที่ขอบดอกหยักและม้วนขึ้น มีลักษณะดอกคล้ายเห็ดเป๋าฮื้อ หมวกดอกทรงร่ม สีครีม ในช่วงดอกตูมจะมีรูปร่างกลม ๆ มีขนอ่อน ๆ สีน้ำตาลอ่อน เมื่อดอกโตขึ้น ปลายดอกจะบานเต็มที่ สีจะจางลงเป็นสีครีมขาว และแผ่แบนออกเต็มที่ ส่วนก้านดอกจะใหญ่แข็งและเหนียว เวลานำไปปรุงอาหารต้องปอกเปลือกที่ก้านออกก่อน เมื่อปรุงสุกแล้ว จะทำให้ก้านเห็ดอ่อนนุ่ม
ดอกเห็ดที่เกิดจากบริเวณดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูง ดอกจะใหญ่มาก บางดอกหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม เพาะได้โดยการทำก้อนเชื้อเหมือนเห็ดถุงทั่วๆไป ชอบความชื้นสูง โดยเฉพาะในฤดูฝน แต่การเปิดดอก ให้นำก้อนเชื้อเห็ดโต่งฝนมาฝังในถุงปุ๋ยที่ใส่ดินร่วนผสมกับอินทรียวัตถุในปริมาณ 1:1 หรือฝังลงในดินที่ปูรองพื้นด้วยปุ๋ยหมักที่ย่อยสลายดีแล้ว หรือเพาะในตะกร้าก็ได้ โดยเพาะลงดินเลียนแบบธรรมชาติ สถานที่เพาะเห็ดนี้ จะต้องอยู่ในที่ร่ม เช่นใต้ร่มไม้ใหญ่ อากาศค่อนข้างเย็น รดน้ำแบบปลูกผัก เห็ดจะงอกภายใน 40 วัน เก็บผลผลิตได้ 4 - 6 เดือน ผลผลิต 1.5-5 กก./ถุงปุ๋ย และเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 1 สัปดาห์
เห็ดโต่งฝนเป็นเห็ดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นเห็ดที่เพาะง่าย เมื่อนำดอกอ่อนระยะดอกเห็ดรูปกรวยมาเขี่ยเชื้อ แล้วประยุกต์วิธีการเพาะ ก็ให้ผลดี มีการเพาะเห็ดชนิดนี้มานานพอสมควรแล้ว ไม่ต้องสร้างโรงเรือนสำหรับเปิดดอกเห็ดเหมือนเห็ดนางรม นางฟ้า สามารถเพาะแบบเดียวกับเห็ดตีนแรดคือฝังดินตื้นๆ พร้อมกับโรยเมล็ดพันธุ์ผักไปด้วย ได้ทั้งเห็ดได้ทั้งผัก ยังสามารถปลูกในถุงปุ๋ยที่ตัดมุมก้นถุงทั้งสองข้างออก แล้วคลุมทับก้อนเชื้อเห็ดด้วยดินร่วนผสมปุ๋ยอินทรีย์ สามารถวางถุงเพาะเห็ดกลางแจ้งในหน้าฝนหรือใต้ร่มไม้ฤดูที่ฝนไม่ตก แดดไม่แรง การรดน้ำเห็ดเท่ากับการรดน้ำให้แก่ต้นไม้ไปในตัว น้ำที่ผ่านก้อนเชื้อเห็ด ยังช่วยให้ต้นไม้ได้รับอาหารเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง
ลักษณะเฉพาะ หรือ เป็นความโดดเด่นเฉพาะตัวของเห็ดโต่งฝน ยางขมนั้น เป็นสารสำคัญที่มีคุณสมบัติเป็นยารักษาโรค คือมีสาร เบต้ากลูแคน ที่ช่วยสร้างภูมิต้านทาน และต่อต้านอนุมูลอิสระ คาดว่าในอนาคตไม่ไกล เห็ดโต่งฝน จะก้าวขึ้นมาเป็นเห็ดเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง ที่มีศักยภาพในเชิงธุรกิจเพื่อการนำมาสกัดสารเบต้ากลูแคนในอนาคตได้ เพราะมีวิธีการเพาะที่ไม่ยุ่งยาก แถมเห็ดที่ได้ ก็ดอกโตมาก คุ้มค่าน่าลงทุนเป็นได้ทั้งอาหารและยา
ธรรมชาติของเห็ดโต่งฝน
เป็นเห็ดที่เจริญเติบโตโดยอาศัยอยู่ภายในท่อนไม้ที่ถูกกลบฝังดินอยู่ โดยมันจะย่อยเศษไม้ เศษพืช แล้วใช้เป็นอาหารในการเจริญเติบโต เมื่อเส้นใยมีจำนวนมาก ดินมีความชื้นพอดี จะสร้างดอกเห็ดขึ้นมาเหนือผิวดิน ลักษณะคล้ายถ้วยในขณะเล็กแล้วค่อย ๆ บานออก จนรองรับฝนได้
การเพาะในจัตุรัสวิทยาคาร
เก็บเห็ดโต่งฝนดอกอ่อนอายุประมาณ 2-3 วัน ระยะดอกคล้ายรูปกรวยนำเนื้อเยื่อก้านดอกมาเพาะเลี้ยงในอาหารวุ้น PDA. เนื้อเยื่อจากดอกอ่อนจะให้เส้นใยเห็ดที่แข็งแรงเจริญเร็วมาก เขี่ยเชื้อเห็ดแล้ว นำมาเลี้ยงในอาหารวุ้นแบบเห็ดทั่วๆไป ใช้เวลา 8-10 วัน เส้นใยเดินเต็มอาหารวุ้น แล้วขยายเชื้อไปเลี้ยงในหัวเชื้อเมล็ดข้าวฟ่าง ใช้เวลา 12-15 วัน เส้นใยเดินเต็มเมล็ดข้าวฟ่าง เมื่อเชื้อเจริญเต็มเมล็ดข้างฟ่างแล้ว ก็เพาะลงถุงขี้เลื่อยหรือปุ๋ยหมักผสมขี้เลื่อยรำละเอียด และปูนขาว เหมือนสูตรการเพาะเห็ดทั่วๆ ไปสำหรับที่โรงเรียนในท้องถิ่นมีเปลือกข้าวโพดแห้งจำนวนมากเป็นผลผลิตจากลานรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมื่อสีข้าวโพดเอาเมล็ดแล้วผลพลอยได้เป็นเปลือกข้าวโพดและซังข้าวโพด จำนวนมหาศาลซังข้าวโพดขายเป็นวัตถุดิบเชื้อเพลิง ส่วนเปลือกข้าวโพดเผาทิ้งทำให้เกิดมลพิษ จึงได้นำมาทดลองเพาะเห็ด จนได้สูตรที่เหมาะสมดังนี้ เปลือกข้าวโพดแห้ง 100 ก.ก. น้ำ 65 ก.ก. ผสมทีละน้อยให้เข้ากันเนื่องจากการดูดซับน้ำมีน้อย หมักไว้ 21 วัน กลับกองหมักทุก 3 วัน เพื่อให้เปลือกข้าวโพดอ่อนตัว กองหมักคลุมด้วยผ้าพลาสติก วันที่ 22 ผสมรำละเอียด 5 ก.ก. ปูนขาว 2 ก.ก. (สูตรนี้เพาะเห็ดนางรม นางฟ้า เป๋าฮื้อได้) บรรจุถุงเพาะเห็ด นำไปนึ่งฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่อุณหภูมิ
การเพาะในแปลง
แปลงที่ฝังก้อนเชื้อ จะเป็นใต้ร่มไม้หรือกลางแจ้งก็ได้ ความลึกให้พอฝังก้อนในแนวตั้ง แล้วกลบดินลึกอีก 1-2 นิ้ว วางก้อนเชื้อเห็ดที่แกะถุงพลาสติกออกแล้ว เรียงติดกัน 5-6 ก้อนหรือมากกว่า วางติดกันไป เส้นใยจะประสานกันเอง ดินที่คลุมผสมปุ๋ยอินทรีย์ด้วย รดน้ำให้ชุ่มชื้น เมื่อฝนไม่ตก แต่อย่าให้น้ำขังแฉะ หรือจะนำก้อนเห็ดมาเพาะในดินผสมปุ๋ยอินทรีย์ที่ใส่ในถุงปุ๋ยตัดมุมก้นถุงเพื่อให้ระบายน้ำได้ดี ดินผสมรองพื้นหนา
เทคนิคการเพาะเห็ดโต่งฝนลงแปลง
การเลือกพื้นที่ พื้นที่จะใช้ทำแปลงเพาะเห็ดโต่งฝน นั้น ต้องเป็นที่ดอนน้ำไม่ท่วม ทำแปลงขนาด 1 X
ใช้ปุ๋ยหมักที่ย่อยสลายดีแล้ว หรืออินทรียวัตถุ เช่นใบไม้แห้ง วัชพืช ปุ๋ยคอก ใส่ลงในแปลงที่เตรียมไว้แล้วใช้ดินร่วนกลบ รดน้ำให้ชุ่ม หมักไว้เป็นเวลา 2 เดือน เป็นการรองปุ๋ยอินทรีย์ก่อนเพาะเห็ด
หลังจากนั้น ต้องทำโครงไม้ไผ่ครอบแปลง ข้างบนคลุมด้วยผ้าสแลนพรางแสง 80% ใช้ฟางคลุมทับผ้าสแลนเพื่อรักษาความชื้น และต้องรดน้ำให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอ แต่อย่าให้แฉะ ในฤดูฝน ฝนตกบ่อยก็ไม่จำเป็นต้องรดน้ำ หลังจากนั้นประมาณ 35 - 40 วัน ดอกเห็ดจะงอก ควรเก็บเห็ดในวันที่ 4 เห็ดจะมีคุณภาพดี เห็ดจะหมุนเวียนออกดอกได้ 4 - 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ดินมีอินทรีย์วัตถุสูง อุดมสมบูรณ์ มีความชื้นสูง อากาศร้อนอบอ้าว
ข้อเสนอแนะจากประสบการณ์
1. ก้อนเชื้อเห็ดโต่งฝน เส้นใยมีการเจริญเติบโตที่ช้าอย่างน้อย 35 - 45 วันจึงเดินเต็มถุง ถ้าอากาศหนาวจะช้ากว่านี้อีก วิธีกระตุ้นในฤดูหนาวการพักก้อนเชื้อต้องเป็นห้องที่ป้องกันลมหนาวปะทะก้อนเชื้อเห็ดได้ อากาศเย็นจะทำให้เส้นใยชงักการเจริญ
2. แปลงเพาะเห็ดที่มีอินทรีย์วัตถุมาก ความชื้นพอเหมาะ อากาศที่ร้อนอบอ้าว จะชักนำให้เส้นใยเจริญเติบโตได้ดี ถ้าเพาะลงในดินที่มีอินทรียวัตถุสูง จะทำให้มีดอกใหญ่ น้ำหนักมาก อินทรียวัตถุต้องผ่านการย่อยสลายที่ดีก่อนนำมาใช้ เนื่องจากจะมีเชื้อราเหลืองและราเขียวปะปนทำให้ผลผลิตลดลงมากหรือไม่มี
3. แปลงเพาะไม่ควรเป็นที่ลุ่ม เพราะจะทำให้น้ำขัง จากการสังเกตพบว่า ถ้ารดน้ำเปียกเกินไป จะทำให้เส้นใยไม่เจริญเติบโต และก้อนเชื้อเห็ดจะเน่าได้
วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554
การถ่ายเชื้อเห็ดจากอาหารวุ้นลงในเมล็ดข้าวฟ่าง
การคัดเลือกเชื้อเห็ดขยายพันธุ์และการถ่ายเชื้อเห็ดจากอาหารวุ้นลงในเมล็ดข้าวฟ่าง
เชื้อเห็ดที่เลี้ยงบนอาหารวุ้นเมื่อมีการเจริญเต็มผิวหน้าวุ้นก็ยังเป็นเชื้อที่อ่อนอยู่ ไม่ควรนำไปใช้ แต่ถ้าทิ้งไว้หลายวันแล้วเชื้อยังไม่ลามเต็มผิวหน้าวุ้น ซึ่งแสดงว่าเส้นใยเดินผิดปกติ เพราะอาจมีเชื้ออื่นปะปนอยู่ ก็ไม่ควรนำมาใช้เช่นกัน ระยะของเชื้อที่เหมาะจะนำมาใช้คือระหว่าง 7 – 10 วัน ไม่ควรเก็บไว้นานกว่านี้เพราะจะเหนียวแก่อ่อนตัวลง ถ้าเชื้อหมดอายุต้องเริ่มต้นเขี่ยเนื้อเยื่อจากดอกเห็ดใหม่เหมือนวิธีแรก
ขวดเมล็ดข้าวฟ่างที่นึ่งเรียบร้อยแล้ว จะยังเป็นเพียงเมล็ดพืชที่ต้มแล้วเท่านั้นถ้ายังไม่ใส่เชื้อเห็ดลงไป เราจึงต้องเอาเชื้อเห็ดจากขวดอาหารวุ้นที่ได้คัดเลือกและเตรียมไว้แล้ว นำมาถ่ายเชื้อหรือต่อเชื้อในเมล็ดข้าวฟ่างเสียก่อนจึงนำไปใช้ได้
การเขี่ยเชื้อจากอาหารวุ้นลงในขวดเชื้อ การปฏิบัติก็ทำเช่นเดียวกันกับการทำอาหารวุ้น คือต้องทำภายในตู้เขี่ยเชื้อ โดยเลือกขวดเชื้อที่เส้นใยเจริญเต็มผิวหน้าวุ้นใหม่ ๆ ใช้เข็มเขี่ยลนไฟให้ร้อนแดง ตัดเอาอาหารวุ้นที่มีเส้นใยติดมาด้วยให้ชิ้นมีขนาด 1 ตารางเซนติเมตร ถ้าชิ้นเล็กไปอาจจะแห้งเสียก่อนที่เชื้อจะเจริญออกมา ทำนองเดียวกันถ้าชิ้นโตเกินไปก็อาจทำให้คับปากขวด ทำให้ทำงานไม่สะดวก นำวุ้นวางลงในขวดตรงกลางเมล็ดข้าวฟ่าง ใช้วิธีเอนขวดให้เมล็ดข้าวฟ่างเอนกระจายลงแบนราบเล็กน้อย แล้วจึงวางวุ้นลงไปตรงกลาง พอตั้งขวดเมล็ดข้าวฟ่างก็จะกลบชิ้นวุ้นตรงกลางขวดพอดี
การวางเชื้อวุ้นในเมล็ดข้าวฟ่างลักษณะดังกล่าว เส้นใยเห็ดจะเจริญเป็นวงกลมกระจายกันได้ทั่วทั้งขวด เป็นวิธีที่นิยมมากกว่าการวางวุ้นลงด้านบนของเมล็ดข้าวฟ่าง ซึ่งเส้นใยเห็ดจะเจริญลามมาจากด้านบนลงมาใช้สำลีอุดปากขวดเช่นเดิม แล้วใช้กระดาษปิดทับรัดด้วยยางทำเช่นนี้ทุกขวด ตามจำนวนที่ต้องการ
นำขวดเชื้อไปวางเก็บไว้ในห้องที่มีอุณหภูมิปกติ เพื่อรอให้เส้นใยเจริญเต็มขวด อาจนำไปวางในห้องที่มืดก็ได้เพราะมีรายงานว่าเห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม เจริญเติบโตได้ดีในขณะที่ไม่มีแสง ประมาณ 8 – 12 วัน เส้นใยก็จะเจริญเต็มเมล็ดข้าวฟ่าง เชื้อที่เส้นใยเจริญเต็มขวดใหม่ ๆ อยู่ในระยะที่แข็งแรงมากเหมาะที่จะนำไปใช้งาน ไม่ควรเก็บไว้นานเกินไป เพราะจะทำให้ความแข็งแรงลดลงเรียกว่าเชื้อแก่ และยิ่งเก็บไว้นานนอกจากมีโอกาสที่เชื้อจะมีเชื้อปนได้ง่าย เชื้อจะเหนียวมากขึ้น การตัดหรือถ่ายเชื้อเมื่อเวลาใช้ก็ทำได้ไม่ค่อยสะดวก
หัวเชื้อชนิดนี้สามารถที่จะนำไปใช้จำหน่ายให้แก่ผู้ที่ต้องการนำไปลงในก้อนเชื้อได้ทันทีหรืออาจนำมาใช้ใส่ลงในก้อนเชื้อภายในฟาร์มเองก็ได้ การเพิ่มหรือขยายหัวเชื้อในเมล็ดข้าวฟ่าง ก็มีหลักการเดียวกันกับการเพิ่มจำนวนเชื้อบนอาหารวุ้น คือไม่จำเป็นต้องใช้เชื้อวุ้นมาเขี่ยใส่เพื่อให้ได้จำนวนมาก ๆ เพียงแต่ใช้หัวเชื้อจากขวดที่เส้นใยเจริญเต็มที่แล้ว ถ่ายใส่ขวดเมล็ดข้าวฟ่างที่ผ่านการนึ่งฆ่าเชื้อแล้ว ประมาณขวดละ 20 – 30 เมล็ด โดยใช้ช้อนที่มีปากแคบและด้ามยาว ตักหรือเทออกมาจากขวดที่มีเส้นใยเจริญเต็มแล้วลงในขวดเมล็ดข้าวฟ่าง ได้ตามจำนวนที่ต้องการ แต่ต้องทำในตู้เขี่ยเชื้อเช่นกันและที่สำคัญต้องไม่ต่อเชื้อมากรุ่นเกินไปเพราะจะทำให้เชื้ออ่อนลงได้ ถ้าหากเห็นว่าเชื้อเริ่มอ่อนลงแล้ว ก็ควรเอาเชื้อจากอาหารวุ้นมาถ่ายใส่ใหม่ ทำเช่นนี้เราก็จะได้หัวเชื้อที่อยู่ในสภาพแข็งแรง
การเลี้ยงเชื้อเห็ดกับเมล็ดข้าวฟ่าง
การเลี้ยงเชื้อเห็ดกับเมล็ดข้าวฟ่าง
การเพาะให้เกิดดอก อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือการผลิตหัวเชื้อเห็ดขาย เมื่อมีการผลิตก้อนเชื้อมากเท่าใดจำนวนหัวเชื้อเห็ดก็ต้องมีการผลิตมากขึ้นตามไปด้วย
การทำหัวเชื้อเห็ดมีขั้นตอนที่ง่ายขึ้นกว่าการเพาะเนื้อเยื่อ โอกาสที่เชื้อจะเสียมีน้อยลงเพราะเส้นใยเห็ดเริ่มอยู่ในสภาพที่ใกล้เคียงกับวัสดุหมักในธรรมชาติมากขึ้น วัสดุที่จะนำมาใช้ทำหัวเชื้อเห็ดส่วนใหญ่คือเมล็ดพืช ซึ่งเป็นวัสดุที่หาง่าย เช่น เมล็ดข้าวฟ่าง เมล็ดข้าวโพด เมล็ดข้าวเปลือก แต่ที่นิยมและเป็นที่ยอมรับในปัจจุบันคือเมล็ดข้าวฟ่างเท่านั้น
นำเมล็ดข้าวฟ่างมาต้มจนสุกนิ่มพอดีอย่าให้ถึงกับเละ เพราะถ้าเละมากเมื่อกรอกใส่ขวดมักจะเกิดการแฉะก้นขวด และมีโอกาสที่เชื้อราต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ง่ายเมื่อต้มจนสุกพอดีและได้จำนวนตามที่ต้องการแล้ว
จึงนำไปใส่ตระแกรงกรองเอาน้ำออกให้หมด ถ้าหากเมล็ดข้าวฟ่างแฉะมากควรเกลี่ยกระจายผึ่งแดดพอแห้ง ก่อนนำมากรอกใส่ขวด หากนำเอาขี้เลื่อยที่แห้งสนิทและร่อนแล้วจำนวนเล็กน้อยค่อย ๆ ผสมลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วร่อนเอาขี้เลื่อยออกครั้งหนึ่งก่อนกรอกลงขวด ก็จะทำให้เมล็ดข้าวฟ่างกรอกลงขวดได้ง่ายขึ้น และยังช่วยแก้ปัญหาเมล็ดข้าวฟ่างแฉะได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามหากมีความชำนาญในการต้มเมล็ดข้าวฟ่างแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้ขี้เลื่อยผสมเลยก็ได้ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหัวเชื้อเห็ดไม่นิยมผสมขี้เลื่อยมักใช้เมล็ดข้าวฟ่างล้วน ๆ
การกรอกเมล็ดข้าวฟ่าง จะกรอกลงไปเพียงครึ่งขวดหรือประมาณ 2 ใน 3 ของขวด เพื่อช่วยให้เส้นใยเจริญได้รวดเร็ว การกรอกเมล็ดข้าวฟ่างใส่ขวดควรใช้กรวยสวมปากขวดจะช่วยให้กรอกได้ง่ายขึ้นและเพื่อป้องกันไม่ให้เมล็ดข้าวฟ่างเปื้อนปากขวด ถ้าหากเปื้อนปากขวดก็ควรเช็ดปากขวดให้สะอาดและแห้ง
ใช้สำลีอุดปากขวดให้แน่นพอดี ไม่ให้หลวมหรือคับเกินไปใช้กระดาษหุ้มทับสำลีอีกชั้นหนึ่งแล้วรัดด้วยยางเพื่อป้องกันสำลีเปียกเวลานึ่ง นำขวดเชื้อไปนึ่งด้วยหม้อนึ่งความดันให้มีความดัน 15 ปอนด์ต่อ ตารางนิ้ว นาน 30 นาที นึ่งเสร็จแล้วจึงนำออกมาปล่อยให้เย็นสนิท เพื่อรอการนำเชื้อเห็ดบริสุทธิ์ที่เลี้ยงในอาหารวุ้นมาถ่ายใส่ต่อไป
การผลิตหัวเชื้อเห็ด
การผลิตหัวเชื้อเห็ด
การทำหัวเชื้อก็เพื่อขยายเชื้อบริสุทธิ์ จากที่เพาะเลี้ยงบนวุ้นให้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอและมีสัดส่วนกับวัสดุที่จะใช้เพาะให้เป็นดอกเห็ด วัสดุที่ใช้ทำหัวเชื้อได้แก่กากพืชที่มีจำนวนมากหรือเป็นวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว กากถั่ว ขี้เลื่อย เปลือกบัว ซังข้าวโพด ไส้นุ่น ขุยมะพร้าว ผักตบชวาแห้ง เป็นต้น หรือจะใช้เมล็ดธัญพืช เช่น เมล็ดข้าวสาลี เมล็ดข้าวเจ้า เมล็ดข้าวเหนียว วัสดุที่นำมาใช้บางชนิด ต้องเติมอาหารเสริมเพื่อให้มีอาหารที่ช่วยให้เชื้อเห็ดเจริญเติบโตเร็ว เช่น รำข้าว แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว ปุ๋ยเคมี วัสดุบางชนิดจำเป็นจะต้องทำการหมักให้เปื่อยเสียก่อน เช่น หัวเชื้อเห็ดฟางส่วนมากนิยมทำจากปุ๋ยหมักโดยใช้เปลือกบัวผสมกับขี้ม้า หมักเปลือกบัวจนเปื่อย การหมักจะต้องหมั่นทำการกลับปุ๋ยบ่อย ๆ เพื่อให้ปุ๋ยเปื่อยเร็วในระหว่างการหมักก็ให้ใส่อาหารเสริมลงไปด้วย เช่น ไส้นุ่น การหมักจะใช้เวลา 3 – 4 อาทิตย์ แล้วบรรจุถุงพลาสติกเพื่อนำไปนึ่งฆ่าเชื้อก่อนที่จะใส่เชื้อบริสุทธิ์ การบรรจุถุงพลาสติกจะต้องอัดให้แน่นพอสมควรและทำช่องว่างตรงกลางโดยเจาะเป็นรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 – 2 เซนติเมตร ลึกลงไปประมาณ 1/5 ของถุง เพื่อเตรียมหยอดเชื้อบริสุทธิ์ที่จะขยายต่อไป
ถ้าเป็นเมล็ดธัญพืชอาจจะแช่น้ำให้เปลือกนิ่ม หรืออาจจะต้องต้มให้สุกพอนิ่มสำหรับเมล็ดพืชที่มีเปลือกและเนื้อแข็ง เช่น เมล็ดข้าวฟ่าง แล้วจึงบรรจุใส่ขวดนำไปนึ่งฆ่าเชื้อด้วยหม้อนึ่ง ฆ่าเชื้อแบบเดียวกับการนึ่งฆ่าเชื้อในการเตรียมอาหารเพาะเลี้ยงเชื้อบริสุทธิ์ แต่งต้องใช้เวลานานกว่าการนึ่งอาหารวุ้น ( ใช้เวลาประมาณ 30 นาที )
ถ้าเพาะเห็ดหูหนูหรือเห็ดหอม สูตรอาหารก็เปลี่ยนแปลงไปเช่น ใช้ขี้เลื่อยผสมรำ การเปลี่ยนมาใช้ขี้เลื่อยก็เพราะเห็ดหูหนูชอบขึ้นบนไม้ผุจำพวกไม้เนื้ออ่อน ควรจะใช้ขี้เลื่อยชนิดเดียวกับไม้ที่เพาะ แต่ส่วนมากเลือกไม่ได้เพราะเรานำขี้เลื่อยที่เหลือใช้จากการเลื่อยไม้ชนิดต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งมีปัญหาเห็ดขึ้นได้ไม่ดี เพราะอาจจะเจอขี้เลื่อยไม้เนื้อแข็งหรือขี้เลื่อยของไม้ที่มียางบางชนิด ปัจจุบันมีการใช้จุกไม้แทนขี้เลื่อย เมื่อเชื้อเห็ดเดินเต็มจุกไม้ก็ไปตอกในท่อนไม้ที่เจาะรูไว้
ปัจจุบันการทำหัวเชื้อนิยมใช้หม้อนึ่งแบบลูกทุ่งและบรรจุปุ๋ยหมักในถุงพลาสติก การใช้ความดัน ไอน้ำต่ำกว่า ดังนั้นการใช้หม้อนึ่งชนิดนี้จึงต้องใช้เวลานึ่งนาน ส่วนมากหม้อนึ่งลูกทุ่งนิยมทำด้วยถัง 200 ลิตร
และใช้กาซต้มหรือถ่าน ใช้เวลา 3 – 4 ชั่วโมง ถ้าหม้อนึ่งมีขนาดใหญ่กว่านี้ ก็ต้องเพิ่มเวลาการนึ่ง เป็น 6 – 8 ช.ม. เมื่อวัสดุในขวดหรือในถุงพลาสติกผ่านการนึ่งฆ่าเชื้อแล้ว ต้องทิ้งไว้ให้เย็นแล้วจึงใส่ เชื้อบริสุทธิ์ลงไปโดยตัดเชื้อบริสุทธิ์ขนาด 0.5 ลูกบาศก์เซนติเมตร ใส่เชื้อเห็ดลงไปอยู่ตรงกลางขวดหรือถุงการใส่ต้องทำอย่างระมัดระวังในห้องสะอาด นำไปเก็บในห้องบ่มเชื้อ 10 – 15 วัน เชื้อจะเดินเต็มขวดหรือถุงพร้อมที่จะนำไปเพาะให้เป็นดอกเห็ด หัวเชื้อเห็ดไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 2 เดือน เพราะเชื้อจะแก่เกินไปควรใช้ภายใน 1 อาทิตย์ หลังจากเชื้อเดินเต็มวัสดุ การทำหัวเชื้อจากเมล็ดธัญพืชเชื้ออาจเดินช้ากว่าปุ๋ยหมักควรเขย่าขวดหลังจากใส่เชื้อบริสุทธิ์แล้ว 4 – 5 วัน
วิธีการรักษาความสะอาดในการผลิตเชื้อเห็ดบริสุทธิ์
วิธีการรักษาความสะอาดในการผลิตเชื้อเห็ดบริสุทธิ์
การรักษาความสะอาดในการผลิตเชื้อบริสุทธิ์ ในการผลิตเชื้อบริสุทธิ์จะต้องใช้ห้องเพาะเชื้อที่สะอาด ไม่มีฝุ่นละออง ควรมีตู้กระจกสำหรับเพาะเลี้ยงเชื้อโดยเฉพาะ ซึ่งมีช่องให้มือเข้าไปทำงานได้สะดวก และมีฝาเปิดเพื่อนำเอาเครื่องมือเพาะเลี้ยงเชื้อบริสุทธิ์เข้าไปไว้ภายในตู้ก่อนทำการเพาะเลี้ยงเชื้อ เมื่อจะทำการเพาะเลี้ยงเชื้อบริสุทธิ์จะต้องเช็ดภายในตู้ให้สะอาด ล้างมือและเช็ดมือให้สะอาดก่อนลงมือทำงาน เครื่องมือทุกชนิดจะต้องสะอาด และทุกครั้งที่มีการใช้เข็มเขี่ยเชื้อ มีด ปากคีบ จะทำการฆ่าเชื้อโดยการจุ่มในแอลกอฮอล์แล้วลนไฟฆ่าเชื้อบริเวณที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงเชื้อเห็ด
เครื่องมือเครื่องใช้อื่น ๆ เช่น จานแก้ว หลอดแก้ว จะต้องอบฆ่าเชื้อในตู้อบความร้อนแบบอบแห้ง
( hot air oven ) โดยใชความร้อนสูง 120 – 140 องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมง แต่ที่ใช้ทั่วไปคือ 120 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 4 ชั่วโมง หรือจะนึ่งด้วยหม้อนึ่งความดันไอน้ำแบบนึ่งอาหารวุ้น ก็ได้ก่อนนึ่งควรห่อเครื่องมือด้วยกระดาษเสียก่อน
อาหารผสมวุ้นที่ได้เพาะเลี้ยงเชื้อบริสุทธิ์ลงไปแล้ว จะต้องนำไปเก็บรักษารอให้เชื้อเห็ดเจริญเติบโตเป็นเส้นใย ซึ่งจะต้องกินเวลาประมาณ 5 – 7 วัน ก่อนที่จะนำไปใช้ต่อไปซึ่งระหว่างระยะเวลาดังกล่าวจำเป็นจะต้องหาที่เก็บที่สะอาด เช่นบนชั้นวางของ หรือในตู้เก็บที่มีการป้องกันศัตรูหลายชนิด เช่น มด ไรเห็ด มิให้เข้าไปในอาหาร เพราะศัตรูดังกล่าวนอกจากจะทำลายเส้นใยเห็ดแล้ว ยังนำเอาเชื้อชนิดอื่นปะปนเข้าไปด้วย ทำให้เชื้อเห็ดไม่บริสุทธิ์
ในการเพาะเลี้ยงเชื้อบริสุทธิ์โดยการนำเนื้อเยื่อจากดอกเห็ดวางในจานหรือในขวดอาหารเลี้ยงเชื้อที่นึ่งฆ่าเชื้อแล้ว การรักษาความสะอาดเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังให้มาก ในระหว่างการถ่ายเชื้อและเก็บเชื้อบริสุทธิ์ ทุกครั้งที่มีการเขี่ยย้ายเส้นใยเห็ด เข็มเขี่ยจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อโดยการจุ่มในแอลกอฮอล์และลนไฟ ข้อสำคัญต้องรอให้เครื่องมือเย็นลงเล็กน้อยจึงจะเขี่ยเชื้อ มิฉะนั้นเส้นใยเห็ดจะถูกความร้อนทำลายได้
ในการเปิดจุกสำลีขวดเพาะเลี้ยงเชื้อ ก็ต้องลนไฟฆ่าเชื้อที่ปากขวดเสียก่อน การเปิดจานแก้วที่มีอาหารเพาะเลี้ยงเชื้ออย่าเปิดกว้างมาก เพราะจะทำให้เชื้อชนิดอื่นในอากาศปะปนเข้าไปได้ง่าย ควรแง้มฝาบนแต่เพียงเล็กน้อยเมื่อจะปิดฝาก็ควรทำด้วยความระมัดระวังและเบามือ ถ้าห้องเก็บเชื้อมีเชื้อชนิดอื่น ๆ และศัตรูมาก ก็ควรทำการอบฆ่าศัตรูต่าง ๆ เสีย โดยใช้ความร้อนจากท่อไอน้ำร้อน หรือแสงอัลตราไวโอเลตหรือสารเคมี
การขยายเชื้อบนอาหารวุ้น
การขยายเชื้อบนอาหารวุ้น
ถ้าต้องการเพิ่มจำนวนให้มาก ก็ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นแยกเอามาจากดอกเห็ดอีก แต่จะใช้วิธีตัดเอาเส้นใยในอาหารวุ้นที่เจริญเต็มขวดแล้วประมาณ 1 ตารางเซนติเมตร ใส่ลงบนผิวหน้าขวดวุ้นเปล่า ๆ โดยใช้วิธีการเดียวกับการแยกเนื้อเยื่อ เส้นใยก็จะไปเจริญในขวดเชื้อวุ้นขวดใหม่ต่อไป แต่ข้อควรระวังในการ ถ่ายเชื้อหรือต่อเชื้อเห็ดก็คือ เราไม่ควรต่อเชื้อเกิน 5 – 6 ครั้ง เพราะจะทำให้เชื้ออ่อนลง ดังนั้นการ ถ่ายเชื้อเห็ด เมื่อเห็นว่าได้ทำการต่อเชื้อไปหลายครั้งแล้ว ควรจะต้องใช้เนื้อเยื่อจากดอกเห็ดโดยตรงมาเขี่ยใส่อาหารวุ้นอีกครั้ง มิฉะนั้นแล้วเชื้อจะอ่อนลง จนทำให้ผลผลิตลดลงได้
การนำไปใช้งานตามปกติเราจะไม่ใช้เชื้อวุ้นไปถ่ายลงในก้อนเชื้อในถุงพลาสติกโดยตรงทีเดียว เพราะเป็นวิธีที่สิ้นเปลืองและยุ่งยากมาก มีค่าใช้จ่ายสูงและโอกาสที่เชื้อจะเสียมีมากเพราะเชื้อชนิดนี้มีอาหารที่สมบูรณ์จากแผ่นวุ้น ซึ่งโอกาสที่เชื้ออื่นจะเข้ามาปะปนในขณะที่ถ่ายลงก้อนเชื้อได้ง่าย แต่เราจะนำเอาเชื้อวุ้นไปถ่ายลงในขวดหัวเชื้อเมล็ดข้าวฟ่างเสียก่อน เพื่อเพิ่มจำนวนเส้นใยเห็ดได้มากไปอีกหลายเท่าตัวก่อนที่จะนำเอาหัวเชื้อจากเมล็ดข้าวฟ่างจำหน่ายหรือไปใช้ในการทำก้อนเชื้อเห็ด