วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2550

โครงงานการศึกษาเปรียบเทียบวัสดุที่ใช้ในการทำอาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรดจาก มันฝรั่ง มันเทศ มันเลือด มันสำปะหลัง


ดอกเห็ดตีนแรดที่นำมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ




มันเห็บ มันเลือด มันเทศ มันสำปะหลัง





น้ำอาหารวุ้นจากมันชนิดต่าง ๆ


กรอกอาหารวุ้นลงขวด



อาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อที่ผ่านการฆ่าเชื้อ 121 องศาเซลเซียส 30 นาที





เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรดในสภาพปลอดเชื้อ






การเจริญของเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรดในอาหารวุ้นชนิดต่าง ๆ เมื่ออายุ 2 วัน







การเจริญของเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรดในอาหารวุ้นชนิดต่าง ๆ เมื่ออายุ 14 วัน




โครงงานเกษตรกรรมประเภทศึกษาค้นคว้าทดลอง
ชื่อโครงงาน การศึกษาเปรียบเทียบวัสดุที่ใช้ในการทำอาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรดจาก มันฝรั่ง มันเทศ มันเลือด มันสำปะหลัง

ชื่อผู้ทำโครงงาน

1. นางสาวจิรวรรณ ทองสุขนอก
2. นางสาวสุปราณี เอกบัว
3. นางสาวประภาภรณ์ เที่ยงกินรี
4. นายทศพร ดาผง

ครูที่ปรึกษาโครงงาน นายอนันท์ กล้ารอด

ความสำคัญของโครงงาน
เห็ดตีนแรดเป็นเห็ดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของท้องถิ่นอำเภอเนินสง่า จังหวัดชัยภูมิ พบในฤดูฝนปีละ 1 ครั้งเท่านั้นมีดอกขนาดใหญ่ รสชาติอร่อยเป็นที่ต้องการของตลาด เมื่อต้องการขยายพันธุ์จึงจำเป็นต้องเพาะเลี้ยงเชื้อเห็ดบริสุทธิ์ไว้ในอาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เมื่อต้องการเพิ่มปริมาณก็นำเชื้อเห็ดบริสุทธิ์ไปเลี้ยงต่อในเมล็ดข้าวฟ่างและนำหัวเชื้อเห็ดจากเมล็ดข้าวฟ่างไปเลี้ยงในวัสดุเพาะเพื่อให้เกิดดอกเห็ด ซึ่งจะทำให้เพาะเห็ดได้ตลอดปี
ในการเพาะเลี้ยงเชื้อเห็ดบริสุทธิ์ของเห็ดตีนแรด จำเป็นต้องศึกษาให้ทราบว่าเชื้อเห็ดตีนแรดเจริญเติบโตได้ดีในอาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อที่มีวัสดุใดเป็นส่วนผสม เนื่องจาก เห็ดเป็นราขนาดใหญ่ ไม่สามารถสังเคราะห์แสงเองได้แบบพืชที่มีสีเขียว โดยทั่วไปอาหารที่เห็ดได้จากซากพืชก็คือ น้ำตาลในรูปของน้ำตาลกลูโคส เซลลูโลส แป้ง อาหารจะถูกดูดซึมเข้าทางผนังเซลล์ นอกจากน้ำตาลแล้วก็มีโปรตีนและแร่ธาตุอื่น ๆ

จุดประสงค์
1. ศึกษาสูตรอาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดชนิดต่างๆ
2. ทดลองทำสูตรอาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เห็ดโดยใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่นเป็นส่วนผสมได้แก่ มันสำปะหลัง มันเลือด มันเทศ แทนมันฝรั่งซึ่งไม่มีในท้องถิ่น
3. เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรดในอาหารวุ้นที่ใช้วัสดุ มันสำปะหลัง มันเลือด มันเทศ เปรียบเทียบกับสูตรที่มีมันฝรั่ง เป็นส่วนผสม

ข้อมูลทางวิชาการ
1. ศึกษาข้อมูลการเตรียมอาหารวุ้นสำหรับเพาะเลี้ยงเชื้อเห็ด จากใบความรู้ เอกสารประกอบการเรียนการผลิตเชื้อเห็ด ครูผู้สอนวิชาการผลิตเชื้อเห็ด ข้อมูลที่ได้ วัสดุที่ใช้ในการผลิตเชื้อเห็ด เห็ดเป็นราขนาดใหญ่ ไม่สามารถสังเคราะห์แสงเองได้แบบพืชที่มี สีเขียว โดยทั่วไปอาหารที่เห็ดได้จากซากพืชก็คือ น้ำตาลในรูปของน้ำตาลกลูโคส เซลลูโลส แป้ง อาหารจะถูกดูดซึมเข้าทางผนังเซลล์ นอกจากน้ำตาลแล้วก็มีโปรตีนและแร่ธาตุอื่น ๆ อีกในการเตรียมอาหารเลี้ยง เชื้อบริสุทธิ์ นั้นจำเป็นต้องผสมวุ้นลงไปด้วยเพื่อทำหน้าที่พยุงเส้นใยให้เจริญบนผิวและให้ความชื้นในระหว่างการเจริญเติบโต วัสดุที่ใช้ในการผลิตเชื้อเห็ดมีดังนี้
มันฝรั่งปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรืออาจใช้มันชนิดอื่นก็ได้ เช่น มันเลือด มันเห็บ ผลการทดลองการแบ่งเซลล์ของเชื้อเห็ดใกล้เคียงมันฝรั่ง ( อนันท์ กล้ารอด และคณะ 2544 )
น้ำตาลกลูโคส หรือเดกซ์โทรส
ผงวุ้น
น้ำกลั่น หรือน้ำฝน
ดอกเห็ดที่สมบูรณ์สะอาด คุณภาพดี ดอกเห็ดควรเป็นดอกอ่อนยังไม่มีการปล่อยสปอร์

วิธีการเตรียมอาหารวุ้น PDA.

การเตรียมอาหารวุ้น PDA สูตรอาหารที่ใช้กันมากคือ อาหารวุ้น PDA (Potato Dextrose Agar PDA) ซึ่งสามารถเตรียมได้ง่ายและมีราคาถูก มีส่วนผสมดังนี้
มันฝรั่งปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 200 กรัม
น้ำตาลกลูโคสหรือเดกซ์โทรส 20 กรัม
วุ้นผง 15 – 20 กรัม
น้ำกลั่นหรือน้ำฝน 1,000 กรัม
สำหรับมันฝรั่งอาจเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนได้ เช่น เมล็ดข้าว ผักต่างๆ ถั่วฝักยาว น้ำต้มผัก ข้อสำคัญส่วนผสมที่นำมาใช้เมื่อเวลาต้มไฟอ่อนๆ แล้วจะไม่ขุ่นหรือเปื่อยเละไปก่อน
1. มันฝรั่งปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็กขนาด 1 X 1 X 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร ชั่งให้ได้น้ำหนัก 200 กรัม
2. นำมันฝรั่งไปต้มไฟอ่อน ๆ กับน้ำที่ตวงไว้ 1,000 ซีซี. ( 1 ลิตร ) เป็นเวลา 20 นาที อย่าใช้ไฟแรงจะทำให้น้ำต้มมันฝรั่งขุ่น
3. กรองเอาแต่น้ำใสมาใส่วุ้นผงที่ชั่งไว้ 15 กรัม ตั้งไฟอ่อน ๆ คอยคนอยู่เรื่อย ๆ จนวุ้นละลายใช้เวลาประมาณ 20 นาที แล้วแต่ชนิดของวุ้นที่ละลายเร็ว หรือละลายช้า ในการละลายวุ้นระวังอย่าให้ไหม้หรือวุ้นเดือดออกนอกหม้อ
4. ใส่น้ำตาลกลูโคสที่ชั่งไว้ 20 กรัม คนให้น้ำตาลละลาย ยกลงจากไฟ
5. ใช้กระบอกตวงดูถ้าปริมาณไม่ถึง 1 ลิตร ให้เติมน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นลงไปจนครบ 1 ลิตร แล้วคนให้ทั่ว อาหารที่ผสมแล้วควรจะวัดค่าความเป็นกรดด่างของอาหาร เพื่อให้อาหารวุ้นมีค่า pH ประมาณ 5 – 6 ก่อนที่จะนำไปบรรจุหลอดแก้วทดลองหรือขวดแบน
6. กรอกวุ้นที่ได้ใส่หลอดหรือใส่ขวด อย่าให้วุ้นเปื้อนปากหลอดหรือปากขวดเอาสำลีอุดจุกแล้วเอากระดาษหุ้มมัดยางให้แน่น
7. นำไปนึ่งในหม้อนึ่งความดัน 15 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ใช้เวลา 20 นาที
8. เสร็จแล้วนำออกมาทิ้งไว้ประมาณว่าวุ้นเกือบแข็งตัว ก็นำหลอดหรือขวดมาเอียงเพื่อเพิ่มเนื้อที่ผิวอย่าเอียงเร็วเกินไปเพาะจะทำให้มีหยดน้ำเกาะที่ผิววุ้นและข้างหลอดหรือข้างขวดมากเกินไป

2. ศึกษาข้อมูลการเพาะเลี้ยงเชื้อเห็ดบริสุทธิ์ในอาหารวุ้น จากใบความรู้ เอกสารประกอบการเรียนการผลิตเชื้อเห็ด ครูผู้สอนวิชาการผลิตเชื้อเห็ด ข้อมูลที่ได้
ความหมายของการแยกเชื้อเห็ด

การแยกเชื้อเห็ดคือ การนำเอาดอกเห็ดหรือสปอร์มาเพาะให้เห็ดเจริญขึ้นเป็นเส้นใยเพื่อใช้ขยายพันธุ์ไปทำหัวเชื้อต่อไป งานในขั้นนี้จะเลี้ยงเส้นใยเห็ดบนวุ้น PDA. การแยกเชื้อเห็ดสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
1. การแยกเชื้อเห็ดบริสุทธิ์จากสปอร์ วิธีนี้นิยมทำกันเฉพาะนักวิชาการที่ต้องการศึกษาสายพันธุ์เห็ด
และการผสมพันธุ์ โดยการแยกสปอร์เดี่ยวบนอาหารวุ้น โดยเฉพาะเห็ดที่มีดอกบาง เช่น เห็ดหูหนู ไม่นิยมทำกันในระดับฟาร์มหรือเกษตรกร
2. การแยกเชื้อเห็ดบริสุทธิ์จากเนื้อเยื่อ ซึ่งทำได้โดยการตัดชิ้นเนื้อเยื่อในลำต้นเห็ดมาเลี้ยงบน อาหารวุ้น เรียกว่า วิธี “ทิชชูคัลเจอร์” ใช้กับเห็ดดอกขนาดใหญ่ และสามารถตัดเนื้อเยื่อมาเลี้ยงได้ง่ายเหมาะกับเห็ดนางรม - เห็ดนางฟ้า เป็นวิธีที่นิยมทำกันมากและได้ผลตรงตามพันธุ์เดิมทุกประการ

อุปกรณ์ที่ใช้ในการแยกเชื้อเห็ด

1. เข็มเขี่ยเชื้อ ทำด้วยโลหะผสม ซึ่งมีคุณสมบัติที่ร้อนเร็ว เย็นเร็ว ด้ามทำด้วยอลูมิเนียม เวลาใช้ต้องฆ่าเชื้อเสียก่อน โดยการลนไฟที่ปลายลวดเข็มเขี่ยเชื้อจนร้อนแดง แล้วทิ้งไว้ให้เย็นก่อนนำไปตัดเนื้อเยื่อจากดอกเห็ด
2. ตะเกียงแอลกอฮอล์ ใช้สำหรับลนไฟฆ่าเชื้อเข็มเขี่ยและเครื่องมือในการปฏิบัติงานให้สะอาดโดยใช้เชื้อเพลิงแอลกอฮอล์ เพราะร้อนเร็วไม่มีควัน
3. ตู้เขี่ยเชื้อ เป็นตู้ที่สร้างขึ้นมาสำหรับงานด้านนี้โดยเฉพาะลักษณะของตู้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทึบ ด้านหน้าตัดเป็นรูปคางหมูและติดกระจกให้สามารถมองเห็นสิ่งของและปฏิบัติงานภายในได้ มีช่องตรงกลางทำเป็นประตูเปิดปิดสำหรับยกขวดเชื้อเข้าออก ด้านข้างของประตูทั้งสองเจาะรูสำหรับใช้มือล้วงเข้าไปปฏิบัติงานในตู้ได้ โดยมีผ้าทำเป็นปลอกสำหรับหุ้มมือ ป้องกันลมภายนอกพัดเข้ามาภายใน
เวลาใช้ก็ยกสิ่งของต่าง ๆ ที่ต้องการเข้าไปไว้ภายในแล้วปิดช่องเสียไม่ให้ลมพัดเข้าไป แต่ด้านบนของตู้ควรมีช่องให้อากาศหรือลมร้อนระบายออกได้เล็กน้อย ก่อนใช้งานจะต้องเช็ดตู้ฆ่าเชื้อภายในให้ทั่วด้วยแอลกอฮอล์เสียก่อน บางทีอาจใช้หลอดไฟอุลตร้าไวโอเล็ตมาติดภายในตู้เวลาไม่ได้ใช้งาน ก็เป็นการฆ่าเชื้อในตู้นี้ได้อีกมาก แต่ไม่ค่อยนิยมในระดับฟาร์มเห็ดทั่วไปนักเพราะอาจมีอันตรายได้
การเพาะเลี้ยงเชื้อบริสุทธิ์จากเนื้อเยื่อภายในก้านดอก
วิธีนี้เหมาะสำหรับเห็ดที่มีก้านใหญ่ และเห็ดที่ไม่มีเปลือกหุ้มดอกอ่อน เช่น เห็ดตับเต่าขาว เห็ดตีนแรด ซึ่งเป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่มาก เห็ดบางชนิดมีก้านดอกใหญ่ก็จริง แต่ภายในก้านดอกจะมีแมลงเข้าไปเจาะไชกินจนพรุนก็ไม่ควรใช้วิธีนี้ เห็ดฟางเพาะเลี้ยงด้วยวิธีการนี้ก็ได้ผลดีและนิยมทำกันมาก วิธีทำเมื่อคัดเลือกดอกเห็ดตามลักษณะที่ต้องการแล้ว วางในจานแก้ว ใช้มีดที่ฆ่าเชื้อแล้วผ่าเห็ดเป็น 2 ส่วน ใช้ เข็มเขี่ยเชื้อที่ฆ่าเชื้อแล้วกรีดเนื้อเห็ดตรงกลางก้านดอก เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วตักขึ้นถ่ายใส่จานอาหารหรือ ขวดอาหารสำหรับเพาะเลี้ยงเชื้อ ข้อควรระวังคือความสะอาด ทุกครั้งต้องใช้เข็มเขี่ยเชื้อที่บริสุทธิ์จริง ๆ


วิธีดำเนินการ
1. ศึกษาข้อมูลจาก ใบความรู้ เอกสารประกอบการเรียนการผลิตเชื้อเห็ด หนังสือการเพาะเห็ด ครูที่ปรึกษา
2 ศึกษาวิธีการเขียนโครงงาน
3. จัดทำโครงงานเสนอครูที่ปรึกษา
4. จัดหาวัสดุ อุปกรณ์ เช่น วัสดุอุปกรณ์เตรียมอาหารวุ้น PDA. วัสดุอุปกรณ์การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ด
5. กำหนดแผนการปฏิบัติงาน
6. ปฏิบัติงานตามขั้นตอน
7. ประเมินผลและเขียนรายงานโครงงาน


แผนปฏิบัติงาน


1.ศึกษาข้อมูลจาก ใบความรู้ เอกสารประกอบการเรียน หนังสือเพาะเห็ด ครูที่ปรึกษา
2.ศึกษาวิธีการเขียนโครงงาน
3.จัดทำโครงงานเสนอครูที่ปรึกษา
4.จัดหาวัสดุ อุปกรณ์ เช่นวัสดุ อุปกรณ์ การเตรียมอาหารวุ้น PDA. วัสดุอุปกรณ์การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ด
5.กำหนดแผนการปฏิบัติงานและปฏิบัติงานตามขั้นตอน
6.ประเมินผลและเขียนรายงานโครงงาน


ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ เรื่องการเตรียมอาหารวุ้นสำหรับเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดและการเพาะเลี้ยงเชื้อเห็ดบริสุทธิ์
2. ได้อาหารวุ้นสำหรับเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดที่ใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่น
3. ได้อาหารวุ้นสำหรับเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อเห็ดตีนแรด
4. ได้รับความชื่นชมจากครูและผู้ปกครอง

เอกสารอ้างอิง
อนันท์ กล้ารอด. เอกสารประกอบการเรียนวิชาการผลิตเชื้อเห็ด. ชัยภูมิ : โรงเรียนเนินสง่าวิทยา. , 2546.
อนงค์ จันทร์ศรีกุล. เห็ดเมืองไทยเทคโนโลยีการเพาะเห็ด. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช. , 2542
บรรณ บูรณชนบท. การเพาะเห็ดนางรม – นางฟ้า. นนทบุรี : สำนักพิมพ์ฐานเกษตรกรรม. , 2541.
จุลจักร โนพันธ์. โครงงานเกษตรกรรม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช. , 2540.

ความเห็นของครูที่ปรึกษา
เป็นโครงงานที่น่าสนใจ นักเรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรร ในการปฏิบัติงานกลุ่มให้มีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน เมื่อมีปัญหาให้ปรึกษาครู


รายงานโครงงาน เกษตรกรรม
ชื่อโครงงาน การศึกษาเปรียบเทียบวัสดุที่ใช้ในการทำอาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรดจาก มันฝรั่ง มันเทศ มันเลือด มันสำปะหลัง

ชื่อผู้ทำโครงงาน

1. นางสาวจิรวรรณ ทองสุขนอก
2. นางสาวสุปราณี เอกบัว
3. นางสาวประภาภรณ์ เที่ยงกินรี
4. นายทศพร ดาผง

ครูที่ปรึกษา นายอนันท์ กล้ารอด

บทคัดย่อ
จุดมุ่งหมายของการทำโครงงานการศึกษาเปรียบเทียบวัสดุที่ใช้ในการทำอาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรดจาก มันฝรั่ง มันเทศ มันเลือด มันสำปะหลัง มี 3 ประการคือ
1. ศึกษาสูตรอาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดชนิดต่างๆ
2. ทดลองทำสูตรอาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เห็ดโดยใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่นเป็นส่วนผสมได้แก่ มันเทศ มันเลือด มันสำปะหลัง แทนมันฝรั่งซึ่งไม่มีในท้องถิ่น
3. เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรดในอาหารวุ้นที่ใช้วัสดุ มันเทศ มันเลือด มันสำปะหลัง เปรียบเทียบกับสูตรที่มีมันฝรั่ง เป็นส่วนผสม
จากการศึกษา ใบความรู้ เอกสารประกอบการเรียน หนังสือเพาะเห็ดปรึกษาครูผู้สอน พบว่า สูตรอาหารวุ้นสำหรับเพาะเลี้ยงเชื้อเห็ดบริสุทธิ์ ที่ใช้กับเห็ดทั่วๆ ไปประกอบด้วย
มันฝรั่ง 200 กรัม
น้ำตาลกลูโคส 20 กรัม
ผงวุ้น 15 กรัม
น้ำสะอาด 1 ลิตร
ในการศึกษาครั้งนี้ได้ทำสูตรอาหารวุ้น 4 สูตรด้วยกัน โดยสูตรที่ 1 ใช้มันฝรั่งตามปกติ ส่วนสูตรที่ 2 – 4 ใช้มันเทศ มันเลือด มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัสดุที่มีในท้องถิ่นแทนมันฝรั่ง ในอัตราส่วนเท่ากัน ทำการทดลองเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรดในสูตรอาหารที่ 1 – 4 เพื่อเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของเชื้อเห็ดตีนแรดในสูตรอาหารต่าง ๆ จากผลการทดลองพบว่าเชื้อเห็ดตีนแรดเจริญเติบโตได้ดีในสูตรอาหารที่ใช้ มันเลือด มันเทศ มันฝรั่งและ มันสำปะหลังตามลำดับ



วิธีการดำเนินงาน

1. การเตรียมอาหารวุ้นสำหรับเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรด
สูตรที่ 1
- มันฝรั่ง 200 กรัม
- น้ำตาลกลูโคส 20 กรัม
- ผงวุ้น 15 กรัม
- น้ำสะอาด 1 ลิตร
สูตรที่ 2
-มันเทศ 200 กรัม
-นำตาลกลูโคส 20 กรัม
-ผงวุ้น 15 กรัม
- น้ำสะอาด 1 ลิตร
สูตรที่ 3
- มันเลือด 200 กรัม
- น้ำตาลกลูโคส 20 กรัม
- ผงวุ้น 15 กรัม
- น้ำสะอาด 1 ลิตร
สูตรที่ 4
-มันสำปะหลัง 200 กรัม
-นำตาลกลูโคส 20 กรัม
-ผงวุ้น 15 กรัม
- น้ำสะอาด 1 ลิตร

เครื่องมือและอุปกรณ์
1. มันฝรั่ง มันเทศ มันเลือด มันสำปะหลัง น้ำตาลกลูโคส ผงวุ้น น้ำ ขวดแบน สำลี กระดาษ ยางรัด มีด หม้อ ทับพี เตาแกส ถังแกส หม้อนึ่งความดัน

ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
1. เตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมได้แก่ มันฝรั่ง มันเทศ มันเลือด มันสำปะหลัง น้ำตาลกลูโคส ผงวุ้น น้ำ ขวดแบน สำลี กระดาษ ยางรัด มีด หม้อ ทับพี เตาแกส ถังแกส หม้อนึ่งความดัน
2. ปอกเปลือกมันฝรั่ง มันเทศ มันเลือด มันสำปะหลัง แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาด 1 ลบ. เซนติเมตร จำนวน 200 กรัม
3. นำไปต้มไฟอ่อน ๆ กับน้ำ 1 ลิตร เวลา 20 นาที
4. กรองเอาแต่น้ำใสมาใส่ผงวุ้น 15 กรัม ที่ชั่งไว้ตั้งไฟอ่อน ๆ คนให้ทั่วจนวุ้นละลายใช้เวลา 20 นาที ใส่น้ำตาลกลูโคส 20 กรัม คนให้ละลายเข้ากันตวงปริมาณดูถ้าไม่ครบ 1 ลิตร ให้เติมน้ำร้อนจนครบ 1 ลิตร คนให้เข้ากัน
5. นำอาหารวุ้นที่ได้บรรจุลงในขวดแบน ¼ ของขวดปิดปากขวดด้วยสำลีกระดาษปิดทับยางรัดอีกครั้ง ให้ได้สูตรละ 5 ขวด
6. นำไปนึ่งในหม้อนึ่งความดันให้ได้ 15 ปอนด์ / ตร.นิ้ว เป็นเวลา 20 นาที
7. เมื่อครบกำหนดเวลาให้นำขวดอาหารวุ้นออกจากหม้อนึ่งความดันวางลงบนพื้นที่เอียงเพื่อทำให้ปริมาณ ผิวหน้าวุ้นมากขึ้นปล่อยไว้ให้เย็นแข็งตัว เพื่อนำไปใช้งานต่อไป


2. การเพาะเลี้ยงเยื้อเห็ดตีนแรดในสูตรอาหารวุ้นต่างๆ

เครื่องมือและอุปกรณ์
1. ดอกเห็ดตีนแรด ที่สมบูรณ์ สะอาดและใหม่ ยังไม่ปล่อยสปอร์ ขวดอาหารวุ้น สูตรต่างๆ สูตรละ 5 ขวด
2. ตู้เขี่ยเชื้อ เข็มเขี่ยเชื้อ ตะเกียงแอลกอฮอร์ แอลกอฮอร์ฆ่าเชื้อ สำลี

ขั้นตอนและการปฏิบัติงาน
1. เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ให้พร้อมใช้งาน ได้แก่ ดอกเห็ดตีนแรด ที่สมบูรณ์ ยังไม่มีการปล่อยสปอร์ ดอกสะอาดและใหม่ ตู้เขี่ยเชื้อ เข็มเขี่ยเชื้อ มีดผ่าตัด ตะเกียงแอลกอฮอร์ แอลกอฮอร์ฆ่าเชื้อ สำลี ขวดอาหารวุ้น สูตรต่างๆ สูตรละ 5 ขวด
2. ทำการฆ่าเชื้อภายในตู้เขี่ยเชื้อโดยใช้แอลกอฮอร์ชุบสำลีเช็ดให้ทั่ว ฆ่าเชื้อวัสดุอุปกรณ์ทุกชนิดแล้วนำเข้า ตู้เขี่ยเชื้อ ทำความสะอาดมือแล้วเช็ดด้วยแอลกอฮอร์
3. เอาเข็มเขี่ยเชื้อ มีดผ่าตัด ลนไฟให้แดงแล้วปล่อยให้เย็น ใช้มีดผ่าตัดผ่า ดอกเห็ด ก้านดอกเห็ดแยกออก เป็น 2 ซีก ต้องระวังไม่ให้สัมผัส ส่วนของกลางดอก ก้านดอก ที่ผ่าออก
4. บริเวณเนื้อเยื่อก้านดอกที่เพิ่งออกใหม่ๆ ใช้เข็มเขี่ยตัดเนื้อเยื่อดอกเห็ดตรงบริเวณก้านดอกซึ่งเป็นส่วนที่สมบูรณ์ที่สุดออกเป็นชิ้นเล็กๆ
5. เมื่อได้เนื้อเยื่อแล้ว จับขวดอาหารวุ้นให้ก้นขวดอยู่ในอุ้งมือ จากนั้นใช้นิ้วก้อยกับฝ่ามือที่จับเข็มเขี่ยเชื้อจับเอาจุกสำลีที่ปากขวดดึงออก นำปากขวดลนไฟตะเกียงแอลกอฮอร์
6. ใช้เข็มเขี่ยเชื้อที่ผ่านการฆ่าเชื้อโดยลนไฟให้แดงแล้วปล่อยให้เย็น นำเนื้อเยื่อเห็ด ผ่านเปลวไฟอย่างรวดเร็วไปวางตรงกลางบนอาหารวุ้น ภายในขวด ลนไฟปากขวดอีกครั้งนำจุกสำลีปิดปากขวด จากนั้นนำขวดเชื้อเห็ดเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องปกติภายใน 14 วัน เส้นใยจะเดินเต็มผิวหน้าอาหารวุ้น
7. เพาะเลี้ยงเชื้อเห็ดบริสุทธิ์เห็ดตีนแรด บนอาหารวุ้น ชนิดละ 5 ขวด พร้อมบันทึก การเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อเห็ดบนอาหารวุ้น 14 วัน


ผลการศึกษา
จากการทดลองศึกษาเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของเชื้อเห็ดตีนแรดในอาหารวุ้นทั้ง 4 สูตร ในระยะเวลา 13 วัน พบว่า สูตรที่ 1 เชื้อเห็ดเจริญเติบโตเป็นวงกลมได้เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.75 ซ.ม. สูตรที่ 2 เชื้อเห็ดเจริญเติบโตเป็นวงกลมได้เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.88 ซ.ม. สูตรที่ 3 เชื้อเห็ดเจริญเติบโตเป็นวงกลมได้เส้นผ่าศูนย์กลาง 3.33 ซ.ม. สูตรที่ 4 เชื้อเห็ดเจริญเติบโตเป็นวงกลมได้เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.10 ซ.ม. ลักษณะของเส้นใยเห็ดตีนแรด สูตรที่ 1 – 3 มีสีขาว และฟูแข็งแรง สูตรที่ 4 เส้นใยมีสีขาวไม่ค่อยฟูมีลักษณะไม่แข็งแรง

สรุปและข้อเสนอแนะ
1. การศึกษาสูตรอาหารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเห็ดตีนแรดทั้ง 4 สูตร ทำให้เราทราบว่าสูตรที่มีมันเลือดเป็นส่วนผสมเชื้อเห็ดตีนแรดเจริญเติบโตได้ดีที่สุด รองลงมาเป็นสูตรที่มี มันเทศ มันฝรั่ง เป็นส่วนผสมตามลำดับ ส่วนสูตรที่มีมันสำปะหลังเป็นส่วนผสมไม่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของเชื้อเห็ดตีนแรด
2. ในการทำอาหารวุ้นเพาะเลี้ยงเชื้อเห็ดตีนแรด เราสามารถใช้มันเลือด มันเทศ แทนมันฝรั่งในสูตรอาหาร ได้ ซึ่งเป็นวัสดุที่มีในท้องถิ่น ส่วนมันฝรั่งต้องซื้อในตัวเมืองถึงมีขาย
3. เชื้อเห็ดตีนแรดบริสุทธิ์ที่ได้ สามารถเก็บไว้ได้นาน 3 ปี โดยเก็บไว้ในตู้เย็นเมื่อเราต้องการเพาะให้เกิดดอก ก็นำมาเลี้ยงในเมล็ดข้าวฟ่างทำเป็นหัวเชื้อเห็ด จากนั้นนำมาเลี้ยงในวัสดุเพาะเพื่อให้เกิดดอกเห็ดต่อไป การเพาะเลี้ยงเชื้อเห็ดทุกขั้นตอนต้องสะอาดและปลอดเชื้อ

เอกสารอ้างอิง
อนันท์ กล้ารอด. เอกสารประกอบการเรียนวิชาการผลิตเชื้อเห็ด. ชัยภูมิ : โรงเรียนเนินสง่าวิทยา. , 2546.
อนงค์ จันทร์ศรีกุล. เห็ดเมืองไทยเทคโนโลยีการเพาะเห็ด. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช. , 2542
บรรณ บูรณชนบท. การเพาะเห็ดนางรม – นางฟ้า. นนทบุรี : สำนักพิมพ์ฐานเกษตรกรรม. , 2541.
จุลจักร โนพันธ์. โครงงานเกษตรกรรม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช. , 2540.

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2550

เห็ดจิก

เห็ดจิก



ภาพ : อนันท์ กล้ารอด

ลักษณะทั่วไป เห็ดจิกหรือเห็ดตีนตุ๊กแก ขึ้นเป็นแผ่นบาง ๆ แผ่กาง ออกคล้ายพัด บางดอกเจริญมาเชื่อมติดกันเป็นแถบยาว ผิวดอกเห็ดด้านบนเป็นขนละเอียดมีสีน้ำตาลอ่อน และมีคลื่นเป็นวงกลมซ้อนกันหลายชั้น ผิวด้านนี้ควรเป็นผิวด้านล่างของเห็ดทั่วไป แต่เนื่องจากเห็ดชนิดนี้หงายเอาด้านล่างขึ้น ผิดกับเห็ดอื่น ๆ ด้านล่างซึ่งเป็นส่วนด้านบนของเห็ดชนิดนี้ จึงมีผิวเรียบสีน้ำตาลอมม่วงอ่อน ลักษณะของเห็ดเมื่อแห้งแล้วเหมือนแผ่นหนังแห้งบาง ๆ หรือเหมือนแผ่นกระดาษ ขนาดดอกเห็ดใหญ่ประมาณ 2 – 5 เซนติเมตร เนื้อเห็ดมีสีน้ำตาลหม่น
สปอร์ รูปรีผิวเรียบ ผนังบาง ขนาด 4.5-5 x 2.5-3 ไมโครเมตร ( อนงค์ จันทร์ศรีกุล. 2542 : 81 )
แหล่งที่พบ เห็ดจิกเป็นเห็ดชนิดหนึ่งที่ขึ้นบนต้นจิกและต้นกระโดน เห็ดจิกมีชื่อเรียก อีกชื่อหนึ่งว่า เห็ดตีนตุ๊กแก แต่เห็ดชนิดนี้แตกต่างจากเห็ดตีนตุ๊กแกหรือเห็ดแครงมาก และอยู่ต่างตระกูลด้วย ในอำเภอเนินสง่าพบได้บริเวณที่มี ไม้เต็ง รัง ป่าสงวนโคกใหญ่โรงเรียนเนินสง่าวิทยาพบที่สวนป่ามะม่วงหิมพานต์ขึ้นกับขอนมะม่วงหิมพานต์
ฤดูที่พบ เห็ดจิกพบในช่วงฤดูฝนเดือนพฤษภาคม – กันยายน จะพบ ในช่วงที่มีความชื้นสูงหลังฝนตกอากาศร้อนอบอ้าว เมื่อหมดฤดูฝนก็ยังมีดอกเห็ดแห้งติดกับขอนไม้ให้เห็นแต่หลังจากนั้นจะถูกแมลงพวกมอดทำลาย
ประโยชน์ เห็ดจิกใช้เป็นยาสมุนไพรกลางบ้าน ทางภาคตะวันออก เฉียงเหนือนิยมใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ โดยเฉพาะพยาธิตัวแบน เห็ดชนิดนี้มีสาร Polyporic acid ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นยาถ่ายพยาธิได้ ( อนงค์ จันทร์ศรีกุล. 2542 : 81 ) ตามธรรมชาติช่วยย่อยสลายท่อนไม้ ให้เป็นอินทรีย์วัตถุบำรุงดิน

เห็ดหนังขนอ่อน

เห็ดหนังขนอ่อน




ภาพ : อนันท์ กล้ารอด


ลักษณะทั่วไป เห็ดหนังขนอ่อนดอกเห็ดไม่มีก้านดอก หมวกเห็ด เจริญออกมาเป็นรูปครึ่งวงกลมจากขอนไม้ และขึ้นซ้อนกันมีลักษณะคล้ายชายคาบ้านหลายชายคาพร้อมกัน เนื้อเห็ดสดเหนียวคล้ายหนังสด เวลาแห้งแล้วเป็นก้อนแข็งเล็กน้อย ผิวด้านบนเป็นสีขาวหรือสีเหลืองหม่นและมีขนละเอียดขึ้นปกคลุมบาง ๆ โดยเฉพาะแถวบริเวณฐานดอกจะมีขนหยาบกว่าส่วนอื่น ผิวหมวกด้านบนไม่เรียบ มองเห็นมีลายวงกลมซ้อนกันหลายชั้น แต่ไม่ชัดเจนเหมือนเห็ดอื่น ๆ เนื้อหมวกเห็ดมีสีขาวหนาประมาณ 5 มิลลิเมตร ขอบหมวกบางกว่าเล็กน้อย ด้านล่างสุดเป็นชั้นของรูเห็ดซึ่งเรียงเป็นแถวเดี่ยวและมีสีขาว มีลักษณะเป็นเหลี่ยม
สปอร์ เป็นรูปทรงกระบอก ผิวเรียบ ผนังบางใส และไม่มีสี ขนาด 5-8 x 2 ไมโครเมตร ( อนงค์ จันทร์ศรีกุล. 2542 : 83 )
แหล่งที่พบ เห็ดหนังขนอ่อนเป็นเห็ดขอนอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งชอบขึ้นบนขอนไม้ผุและเกิดอยู่รวมเป็นกลุ่มและเป็นชั้นซ้อนกัน ดอกเห็ดเจริญเชื่อมติดกันยาวหลายเซนติเมตร ในอำเภอเนินสง่าพบได้ทั่วไปในป่าตามไร่ นา และบริเวณป่าสงวนโคกใหญ่
ฤดูที่พบ เห็ดหนังขนอ่อนพบในช่วงฤดูฝนเดือนพฤษภาคม – กันยายน จะพบในช่วงที่มีความชื้นสูงฝนตกอากาศร้อนอบอ้าว เมื่อหมดฤดูฝนก็ยังมีดอกเห็ดแห้งติดกับขอนไม้ให้เห็น แต่หลังจากนั้นจะถูกแมลงพวกมอดทำลาย
ประโยชน์ เห็ดหนังขนอ่อนเป็นเห็ดขอนชนิดหนึ่งที่รับประทานไม่ได้ ตามธรรมชาติช่วยย่อยสลายท่อนไม้ ตอไม้ให้เป็นอินทรีย์วัตถุบำรุงดิน

เห็ดหนังขนอุย

เห็ดหนังขนอุย









ภาพ : อนันท์ กล้ารอด


ลักษณะทั่วไป เห็ดหนังขนอุยเห็ดชนิดนี้ไม่มีก้านดอก รูปร่างคล้ายพัดงอกออกมาจากขอนไม้ เนื้อเห็ดสดมีลักษณะเหนียวคล้ายแผ่นหนังสัตว์ซึ่งแห้งแล้ว
จะแข็งขึ้น ผิวด้านบนมีสีเทา สีเหลือง และสีน้ำตาลสลับเป็นวงกลมซ้อนกันอยู่หลายชั้นและมีขนหยาบ ๆ ขึ้นปกคลุมด้วย กลางดอกมีสีดำกว่าส่วนอื่น ๆ เนื้อเยื่อหมวกเห็ดที่อยู่ใต้ผิวชั้นนี้มีสีขาวและหนาประมาณ 1 – 5 มิลลิเมตร ขอบบางกว่า หมวกเห็ดงอขึ้นเล็กน้อย ถัดลงไปเป็นชั้นของรูซึ่งมีสีขาวหม่น ปากรูค่อนข้างกลม
สปอร์ ของเห็ดชนิดนี้เป็นรูปเห็ดทรงกระบอก ผิวเรียบ ผนังหนา และ ใสไม่มีสี ขนาด 4-7 x 2 ไมโครเมตร ( อนงค์ จันทร์ศรีกุล. 2542 : 83 )
แหล่งที่พบ เห็ดหนังขนอุยเป็นเห็ดหิ้งชนิดหนึ่ง เห็ดชนิดนี้ชอบ ขึ้นบนขอนไม้ผุจำพวกไม้ผลัดใบและพบขึ้นอยู่ทั่วไป ในอำเภอเนินสง่าพบได้ในป่าตามไร่ นา และบริเวณป่าสงวนโคกใหญ่
ฤดูที่พบ เห็ดหนังขนอุยพบในช่วงฤดูฝนเดือนพฤษภาคม – กันยายน จะพบในช่วงที่มีความชื้นสูงอากาศร้อนอบอ้าว เมื่อหมดฤดูฝนก็ยังมีดอกเห็ดแห้งติดกับขอนไม้ให้เห็นแต่หลังจากนั้นจะถูกแมลงพวกมอดทำลาย
ประโยชน์ เห็ดหนังขนอุยเป็นเห็ดหิ้งชนิดหนึ่งที่รับประทานไม่ได้ ตามธรรมชาติช่วยย่อยสลายท่อนไม้ ตอไม้ให้เป็นอินทรีย์วัตถุบำรุงดิน

เห็ดกระด้างสีขาว

เห็ดกระด้างสีขาว










ภาพ : อนันท์ กล้ารอด


ลักษณะทั่วไป เห็ดกระด้างมีสีขาวผิวด้านบนเรียบ ขอบหมวกมีรอยวง กลมซ้อนกัน 2 – 3 วง ดอกเห็ดไม่มีก้านดอกเหมือนเห็ดทั่วไป ลักษณะของดอกเห็ดเจริญเป็นแผ่นแผ่ออกไปคล้ายรูปพัดกางหรือรูปครึ่งวงกลมติดอยู่ข้าง ๆ ขอนไม้ ด้านล่างของหมวกเห็ดมีลักษณะแตกต่างจากด้านบนซึ่งมีลักษณะเป็นครีบหมวก หรือเป็นรูยาวคดเคี้ยวหรือมีครีบหมวกเชื่อมติดกันเป็นแห่ง ๆ เมื่อดอกเห็ดออกใหม่ ๆ มีลักษณะเนื้อเยื่อค่อนข้างแข็งและเหนียวกว่าเห็ดทั่วไป เนื้อเยื่อมีสีขาว สีนวลหรือสีน้ำตาลอ่อน ครีบหมวกมีความหนาพอสมควร เมื่อดอกเห็ดแก่หรือแห้งขอบของครีบหมวก มักแห้งเป็นสีน้ำตาลอ่อน
สปอร์ มีรูปร่างทรงกระบอก ผิวเรียบ ผนังบาง ใสไม่มีสี ขนาด 2 x 7.9 ไมโครเมตร ( อนงค์ จันทร์ศรีกุล. 2542 : 93 )
แหล่งที่พบ เห็ดกระด้างสีขาวเป็นเห็ดขอนชนิดหนึ่ง เห็ดชนิดนี้มักขึ้นตามขอนไม้ที่ตัดทิ้งไว้โดยเฉพาะขอนไม้เนื้อแข็ง ในอำเภอเนินสง่า พบได้ทั่วไปในป่าตามไร่ นา และบริเวณป่าสงวนโคกใหญ่
ฤดูที่พบ เห็ดกระด้างสีขาวพบในช่วงฤดูฝนเดือนพฤษภาคม – กันยายน จะพบในช่วงที่มีความชื้นสูงอากาศร้อนอบอ้าว เมื่อหมดฤดูฝนก็ยังมีดอกเห็ดแห้งติดกับ
กิ่งไม้ ขอนไม้ให้เห็นแต่หลังจากนั้นจะถูกแมลงทำลาย
ประโยชน์ เห็ดกระด้างสีขาวเป็นเห็ดขอนชนิดหนึ่งที่ไม่นำมารับ ประทานกัน ตามธรรมชาติช่วยย่อยสลายท่อนไม้ กิ่งไม้ให้เป็นอินทรีย์วัตถุบำรุงดิน
เห็ดหลุบเหลือง




ภาพ : อนันท์ กล้ารอด

ลักษณะทั่วไป เห็ดหลุบเหลืองเป็นเห็ดประเภทที่ไม่มีก้านดอก และมักขึ้นฉาบหรือนาบเป็นแผ่นบางติดกับขอนไม้ผุ โดยมีผิวดอกเห็ดด้านบนติดอยู่กับเนื้อไม้หงายเอาด้านล่าง ซึ่งมีสีเหลืองขึ้น สังเกตได้ง่ายเพราะมีลักษณะเป็นรู รูบางส่วนเอนลู่ไปรวมกันเป็นกลุ่ม ทำให้ปากรูไม่เป็นวงกลมและมีความยาวของปากรูไม่เท่ากันคล้ายซี่ฟัน ผิวด้านนี้จึงขรุขระเหนียวและนูนเป็นแห่ง ๆ สปอร์ของเห็ดเกิดในรูดังกล่าว เห็ดหลุบเหลืองมีสีขอบขาวโดยรอบ และบางแห่งมีเส้นใยขึ้นเป็นกลุ่มก้อนสีขาวคล้ายก้อนสำลีบนส่วนนี้ด้วย
สปอร์ รูปรีเกือบกลม ผิวเรียบ ผนังบางใส ไม่มีสี ขนาด 4-5 x 2-3 ไมโครเมตร ( อนงค์ จันทร์ศรีกุล. 2542 : 94 )
แหล่งที่พบ เห็ดหลุบเหลืองในอำเภอเนินสง่า พบได้ทั่วไปมักขึ้น ฉาบหรือนาบเป็นแผ่นบางติดกับขอนไม้ผุ ไม้เนื้ออ่อนในป่าตามไร่ นา และบริเวณป่าสงวนโคกใหญ่
ฤดูที่พบ เห็ดหลุบเหลืองพบในช่วงฤดูฝนเดือนพฤษภาคม – กันยายน จะพบในช่วงที่มีความชื้นสูงอากาศร้อนอบอ้าว เมื่อหมดฤดูฝนก็ยังมีดอกเห็ดแห้งติดกับกิ่งไม้ให้เห็นแต่หลังจากนั้นจะถูกแมลงพวกมอดทำลาย
ประโยชน์ เห็ดหลุบเหลืองจัดเป็นเห็ดที่รับประทานไม่ได้ ตาม ธรรมชาติช่วยย่อยสลายท่อนไม้ กิ่งไม้ให้เป็นอินทรีย์วัตถุบำรุงดิน

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2550

เห็ดกระด้าง

เห็ดกระด้าง





ภาพ : อนันท์ กล้ารอด


ลักษณะทั่วไป เห็ดกระด้างเป็นเห็ดขอนไม้ชนิดหนึ่ง ดอกอ่อนมีสี ขาวหม่นรูปกรวย ขอบม้วนงอลงเล็กน้อย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 – 10 เซนติเมตร ผิวมีขนสีน้ำตาลอ่อนอมเหลืองเมื่อดอกแก่ ผิวจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง เนื้อเห็ดบาง ด้านล่างมีครีบสีน้ำตาลอ่อน แล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแก่อมแดงเมื่อดอกแก่ ครีบหมวกแคบบางเรียวเล็กลง ไปเชื่อมติดก้านดอกเกือบถึงโคนก้านดอก ครีบบางครีบเชื่อมติดกัน ก้านดอกสั้นเหนียวและแข็งเมื่อเป็นดอกแก่มีสีน้ำตาลอ่อน ผิวเรียบยาว 1 – 2 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 – 1 เซนติเมตร ก้านดอกอยู่ค่อนไปด้านใดด้านหนึ่งของดอก ไม่อยู่กึ่งกลางดอก เนื้อในเหนียวสีขาวหรือขาวอมเหลือง
สปอร์ รูปรีสีขาว ผิวเรียบ ผนังบาง โค้งงอเล็กน้อย ขนาด 2.5-3 x 6-9 ไมโครเมตร ( อนงค์ จันทร์ศรีกุล. 2542 : 97 )
แหล่งที่พบ เห็ดกระด้างเป็นเห็ดขอนไม้ชนิดหนึ่ง ในอำเภอเนินสง่า พบทั่วไปในป่าไม้เต็ง รัง บริเวณป่าสงวนโคกใหญ่ เกิดเป็นดอกเดี่ยวอยู่ใกล้กันเป็นกลุ่มบนขอนไม้ กิ่งไม้แห้ง
ฤดูที่พบ เห็ดกระด้างพบในช่วงปลายฤดูฝนเดือนกันยายน – พฤศจิกายน พบในช่วงที่มีความชื้นสูงอากาศร้อนอบอ้าว ท้องฟ้าสลัวทางภาคอิสานเรียกว่าแดดบด ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเห็ดบด เมื่อหมดฤดูฝนก็ยังมีดอกเห็ดแห้งติดกับกิ่งไม้ให้เห็น แต่หลังจากนั้นจะถูกแมลงพวกมอดทำลาย
ประโยชน์ เห็ดกระด้างจัดเป็นเห็ดขอนชนิดหนึ่ง ที่รับประทานได้ ทั้งดอกอ่อนและดอกแก่ สามารถเก็บไว้ได้นาน ตามธรรมชาติช่วยย่อยสลายท่อนไม้ กิ่งไม้ ให้เป็นอินทรีย์วัตถุบำรุงดิน

เห็ดกรวยทองตากู

เห็ดกรวยทองตากู










ภาพ : อนันท์ กล้ารอด

ลักษณะทั่วไป เห็ดกรวยทองตากูเห็ดขอนชนิดนี้มีลักษณะ เป็นรูป กรวยปากกว้างเนื้อเยื่อบางและเหนียว ดอกเห็ดมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 – 6 เซนติเมตร ผิวหมวกเห็ดด้านบนมีสี น้ำตาลอมเหลืองหรือสีน้ำตาลแดง หมวกเห็ดมีสีอ่อนแก่สลับกันจึงเห็นมีลักษณะเป็นลายวงกลมซ้อนกันหลายชั้น ก้านดอกยาวประมาณ 1 – 3 เซนติเมตร มีสีเหลืองหรือสีน้ำตาลอมเหลือง ผิวเรียบเหนียวและแข็งโคนก้านดอกมีฐานเป็นแป้งเล็ก ๆ ไว้ยึดติดกับขอนไม้ เนื้อในก้านสีขาว
สปอร์ รูป ไข่ผิวเรียบ ผนังบางใส ไม่มีสี ขนาดประมาณ 5 x 2 ไมโครเมตร ( อนงค์ จันทร์ศรีกุล. 2542 : 89 )
แหล่งที่พบ เห็ดกรวยทองตากูพบได้ทั่วไปในอำเภอเนินสง่า ชอบ ขึ้นบนกิ่งไม้ผุ ขอนไม้ผุ ที่เป็นไม้เนื้ออ่อน และเกิดเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มใกล้ชิดกัน เนื่องจากเห็ดชนิดนี้แห้งและคงรูปอยู่ได้นาน จึงมีผู้เก็บมาตกแต่งประดับบ้านดูเป็นของแปลกและสวยงามดี โรงเรียนเนินสง่าวิทยา พบที่สวนป่ามะม่วงหิมพานต์ขึ้นกับกิ่งแห้งมะม่วงหิมพานต์
ฤดูที่พบ เห็ดกรวยทองตากูพบในฤดูฝนเดือนพฤษภาคม – กันยายน จะพบในช่วงที่มีความชื้นสูงอากาศร้อนอบอ้าว เมื่อหมดฤดูฝนก็ยังมีดอกเห็ดแห้งติดกับกิ่งไม้ให้เห็น
ประโยชน์ เห็ดกรวยทองตากูจัดเป็นเห็ดขอนชนิดหนึ่ง ที่รับประทาน ไม่ได้และไม่มีผู้นำมารับประทาน เพราะเห็ดมีเนื้อเยื่อแห้งและเหนียว ตามธรรมชาติช่วยย่อยสลายท่อนไม้ กิ่งไม้ให้เป็นอินทรีย์วัตถุบำรุงดิน

เห็ดหิ้งสีเหลือง

เห็ดหิ้งสีเหลือง



ภาพ : อนันท์ กล้ารอด


ลักษณะทั่วไป เห็ดหิ้งสีเหลือง เป็นเห็ดจำพวกที่ไม่มีครีบหมวกแต่มีรู แทน ดอกเห็ดเมื่อโตเต็มที่มีลักษณะแข็งเหนียว ดอกมีสีเหลืองไปจนถึงสีส้ม ดอกเห็ดออกเป็นกลุ่มและเรียงซ้อนกันคล้ายหิ้งหรือชั้นวางของหลาย ๆ ชั้น ขึ้นซ้อนกัน รูปร่างของดอกเห็ดเมื่อโตเต็มที่เป็นแผ่นแผ่ออกคล้ายพัดที่มีด้าม ด้านที่แคบติดอยู่กับลำต้นไม้เห็ดบางกลุ่มเกิดจากโคนดอกเดียวกัน เห็ดชนิดนี้เจริญเติบโตเร็ว เมื่อยังอ่อนอยู่เปราะง่ายแต่แก่แล้วแข็งและเหนียว ดอกเห็ดขนาดยาวประมาณ 5 – 20 เซนติเมตร ผิวด้านบนเป็นรอยวงซ้อนกันอยู่ ดอกเห็ดมีขอบสีขาว ด้านล่างดอกเห็ดมีลักษณะเป็นรูมีสีเหลืองอ่อนขึ้นมันคล้ายผ้าไหมเล็กน้อย สีของดอกเห็ดจางซีดเกือบเป็นสีขาวเมื่อนำมาตากแห้ง
สปอร์ ของเห็ดมีสีเหลืองอ่อนรูปไข่ ผิวเรียบ ผนังบางใส ไม่มีสี ขนาด 6 x 4 ไมโครเมตร ( อนงค์ จันทร์ศรีกุล. 2542 : 87 )
แหล่งที่พบ เห็ดหิ้งสีเหลืองพบได้ทั่วไปในอำเภอเนินสง่าเป็นเห็ดที่ขึ้น ตามตอไม้หรือโคนต้นของพืชจำพวกไม้เนื้อแข็งยืนต้น เช่น ไม้สน ไม้แดง มะค่า เห็ดชนิดนี้ขึ้นได้บนต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่หรือตอไม้ที่ผุเปื่อย โรงเรียนเนินสง่าวิทยาพบที่โคนต้นไม้แดงสวนป่ามะม่วงหิมพานต์
ฤดูที่พบ เห็ดหิ้งสีเหลืองพบในฤดูฝนเดือนพฤษภาคม – กันยายน จะพบในช่วงที่มีความชื้นสูงอากาศร้อนอบอ้าว เมื่อหมดฤดูฝนก็ยังมีดอกเห็ดแห้งติดกับกิ่งไม้ให้เห็น แต่หลังจากนั้นจะถูกแมลงจำพวกมอดเข้าทำลาย
ประโยชน์ เห็ดหิ้งสีเหลืองจัดเป็นเห็ดชนิดหนึ่งที่รับประทานได้ เมื่อ เป็นดอกอ่อนหรือเกิดใหม่ ๆ ( อนงค์ จันทร์ศรีกุล. 2542 : 28 ) จากการสำรวจอำเภอเนินสง่าไม่มีชาวบ้านบริโภคเห็ดชนิดนี้ ตามธรรมชาติช่วยย่อยสลายท่อนไม้ ตอไม้ให้เป็นอินทรีย์วัตถุบำรุงดิน

เห็ดรวงผึ้ง


เห็ดรวงผึ้ง




ภาพ : อนันท์ กล้ารอด




ลักษณะทั่วไป เห็ดรวงผึ้งดอกเห็ดสีขาวนวลอมชมพู รูปพัด หรือ รูปใบพายหรือเกือบกลมขนาดยาว 3 – 10 เซนติเมตร กว้าง 3 – 6 เซนติเมตร ผิวด้านบนมีขนละเอียดและมีแถบวงกลม ซ้อนกระจายบาง ๆ ไปยังขอบหมวก ขอบบางและหยักเป็นคลื่น ด้านล่างสีขาวเต็มไปด้วนรูรูปหกเหลี่ยมหรือรูปเหลี่ยมยาวคล้ายรวงผึ้ง เนื้อเห็ดสีขาว เมื่อแห้งเหนียวคล้ายหนังสัตว์ เห็ดชนิดนี้เส้นใยเจริญแต่ไม่มีเส้นใยเชื่อมระหว่างเซลล์ ก้านดอกเห็ดไม่อยู่กึ่งกลางดอกและเกือบเป็นรูปทรงกระบอกสีขาวแข็ง ยาว 0.5 – 1 เซนติเมตร บางดอกไม่มีก้านดอก เห็ดชนิดนี้ขึ้นเป็นดอกเดี่ยวอยู่ใกล้กันและเหลื่อมซ้อนกันเป็นกลุ่มหรือกระจาย
สปอร์ ใสรูปรีหรือยาวรี ผิวเรียบ ผนังบาง ขนาด 8-10 x 4-5 ไมโครเมตร ( อนงค์ จันทร์ศรีกุล. 2542 : 122 )
แหล่งทีพบ เห็ดรวงผึ้งพบได้ทั่วไปในอำเภอเนินสง่าตามไร่ นา บน ขอนไม้หรือกิ่งไม้แห้งที่เป็นไม้เนื้ออ่อน ในโรงเรียนเนินสง่าวิทยาพบที่สวนป่ามะม่วง
หิมพานต์ บนกิ่งแห้งของมะม่วงหิมพานต์ กิ่งแห้งแคฝรั่ง ซึ่งมีให้เห็นทุกปี
ฤดูที่พบ เห็ดรวงผึ้งพบในฤดูฝนเดือนพฤษภาคม – กันยายน จะพบ ในช่วงที่มีความชื้นสูงอากาศร้อนอบอ้าว เมื่อหมดฤดูฝนก็ยังมีดอกเห็ดแห้งติดกับกิ่งไม้
ให้เห็น
ประโยชน์ เห็ดรวงผึ้งไม่นิยมนำมารับประทาน ตามธรรมชาติช่วย ย่อยสลายกิ่งไม้ท่อนไม้ให้เป็นอินทรีย์วัตถุบำรุงดิน